สวัสดีค่ะ นักศึกษาฝึกงานในโรงแรมคุสึโรกิจูกุ ชุนชุน ค่ะ
วันนี้จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองไอสึวาคามัทสึ จังหวัดฟุกุชิมะ ในประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ
นี่ก็เป็นระยะเวลา 2 เดือนกว่าเกือบ 3 เดือนที่ได้ลองฝึกงานอยู่ในโรงแรมคุสึโรกิจูกุแห่งนี้ค่ะ
ถึงจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่วันหยุดในแต่ละวันก็อดไม่ได้ที่อยากจะเรียนรู้เมืองแห่งนี้
จึงได้ทำการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และชวนไปกับเพื่อนๆที่มาฝึกงานด้วยกันค่ะ
ซึ่งเนื้อหาเราจะบรรยายจากความรู้สึกที่ไปเที่ยวมาเองนะคะ
ภาพอาจจะไม่ได้สวยงามเท่าที่ควร เนื่องจากบางวันไปตอนฟ้าครึมฝนตกและด้วยขีดจำกัดหลายๆอย่างของอุปกรณ์ที่ใช้ถ่าย
แต่หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้สึกเหมือนดูภาพเที่ยวและสามารถเพลิดเพลินไปด้วยกันได้นะคะ
สถานที่ท่องเที่ยวในไอสึที่เดินทางด้วยรถบัสได้
ปราสาทสึรุกะ

แน่นอนว่าสถานที่ที่ต้องลองมาให้ได้เลยก็คือปราสาทสึรุกะค่ะ
ที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายร้อยปี และมีความสำคัญอย่างยิ่งกับสงครามโบชิน
ปราการของปราสาทมีทั้งหมด 5 ชั้น เด่นด้วยผนังสีขาวกับสีหลังคากระเบื้องสีแดง
ซึ่งเป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่นที่มีหลังคากระเบื้องเป็นสีแดง
ภายในรั้วกำแพงของปราสาทมีสวนและร้านค้าเล็กๆให้ท่านได้นั่งพักหย่อนใจได้ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเรือนชาที่ให้ท่านได้ลองชาเขียวแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
ท่านสามารถซื้อตั๋วพร้อมกันที่หน้าทางเข้าปราสาท หรือ หน้าทางเข้าเรือนชาก็ได้ค่ะ
แต่ว่าบางทีมีโปรที่ไม่เหมือนกันนะคะ อย่างตอนที่พวกเราไปกันนั้น หน้าเรือนชามีโปรพิเศษสำหรับคนที่อยากเดินเข้าไปชมและดื่มชากับขนมควบคู่ที่คุ้มกว่าที่ขายหน้าปราสาทอีกค่ะ

ตัวปราสาท

ภายในปราสาทในแต่ละชั้นจะมีการจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์ของปราสาท
และมีการจัดแสดงถึงประวัติสงครามโบชิน ไม่ว่าจะเป็นประวัติตระกูลดัง หรือบุคคลสำคัญ อุปกรณ์ที่ใช้ในสงคราม สินค้าที่ไอสึชำนาญและผลิตขาย วิดีโอประวัติความเป็นมา และข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆในสงครามโบชิน
ในแต่ละชั้นจะจัดหมวดหมู่ไม่เหมือนกัน และสามารถเพลิดเพลินในแต่ละอย่างอย่างไม่จำกัด
ชั้นบนสุดจะเป็นเหมือนหอคอยที่เดินได้รอบด้าน สามารถชมวิวเมืองของไอสึได้อีกด้วยค่ะ

เรือนชารินคาคุ

ภายในกำแพงของปราสาทจะมีเรือนชารินคาคุว่ากันว่าสร้างขึ้นโดย เซ็นโชอัน
เป็นสวนเล็กๆให้ทุกท่านได้เข้าไปชมและสามารถชิมชาสไตล์ญี่ปุ่นได้ค่ะ

เรือนชาจัดแสดงที่สามารถชมในเรือนชาอีกที

ชาร้อนและชาเย็นสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม พร้อมขนมที่พวกเราสั่งกันในเรื่อนชา
ภูเขาอิโมริ และ ซาซาเอโดะ

วัดซาซาเอโดะที่มองจากด้านนอก
วันนี้จะแนะนำอีกสถานที่ที่น่าสนใจ ห่างจากโรงแรมของเราเพียง 5 นาทีโดยการนั่งรถบัสค่ะ
นั่นก็คือ ภูเขาอิโมริ ที่มีสุสานของกลุ่มเบียกโคไตและวัดซาซาเอโดะนั่นเองค่ะ
สุสานของกลุ่มเบียกโคไต

มาเริ่มทำความรู้จักสุสานของกลุ่มเบียกโคไต (Byakkotai) กันก่อนค่ะ
กลุ่มเบียกโคไตหรือที่รู้จักกันในนามกลุ่มพยัคฆ์ขาว เป็นกลุ่มซามูไรที่เก่งกาจของไอสึ และมีบทบาทสำคัญในสงครามโบชินในปีค.ศ. 1868 เป็นอย่างมากค่ะ
อนุสรณ์สถานที่เนินเขาแห่งนี้ตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึงกลุ่มเบียกโคไตทั้ง 19 นาย ที่ประกอบพิธีคว้านท้องฮาราคีรีพร้อมกัน
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ตรงตำแหน่งใกล้ฐานปราสาท ซึ่งบนภูเขานั้นเห็นเพียงเปลวเพลิงและขวันโขมงเท่านั้น จึงทำให้เข้าใจผิดว่าปราสาทสึรุกะถูกทำลายโดยศัตรูไปแล้ว
วัดซาซาเอโดะ

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาเมื่อ 220 กว่าปีก่อน ในปีค.ศ. 1796 ค่ะ
เป็นเจดีย์เก่าแก่สูง 16.5 เมตร ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ อาคารสร้างจากไม้ และโครงสร้างที่ดูเป็นเกลียวคล้ายกับดีเอ็นเอ
มีทางขึ้นบันไดสองชุดรูปทรงแบบเกลียวเหมือนเปลือกหอยทากทะเล เป็นที่มาของชื่อซาซาเอะโดหรือวัดหอยทากทะเล
การเดินขึ้นและลงวัดเป็นการแสดงถึงการจาริกแสวงบุญของไซโงคุคันนงไปยังวัด 33 แห่ง ซึ่งแทนด้วยเทวรูปทั้ง 33 องค์ของคันนงที่ตั้งอยู่ตลอดทางค่ะ
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาอีโมริยามะ ดังนั้นจากด้านบนจะเห็นทิวทัศน์รอบๆเมืองและยังสามารถมองเห็นปราสาทสึรุกะได้อีกด้วย

ด้านบนสุดของวัดซาซาเอโดะ
สวนโอยาคุเอน

น่าเสียดายที่ยังไม่ได้ไปเยือนที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากว่ายังมีวันหยุดเหลืออยู่ ก่อนที่จะกลับไทยจะไปเยือนด้วยตัวเองให้ได้ค่ะ
สวนโอยาคุเอน หรือ Oyakuen Garden หรือรู้จักกันในนาม "สวนแห่งสมุนไพร" ค่ะ
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถซื้อตั๋วแพคคู่กับปราสาทสึรุกะได้ด้วยค่ะ
สวนแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 1 ในสถานที่ที่มีทัศนียภาพที่งดงามของประเทศ (National Scenic Site) เลยด้วยนะคะ
สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 600ปีก่อนหรือในสมัยมูโรมาจิค่ะ จุดประสงค์แรกสร้างขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้ประชาชนร่วมกันปลูกสมุนไพค่ะ
นอกจากนี้ยังมีประวัติสำคัญ เมื่อสมัยสงครามโบชิน ที่แห่งนี้เคยใช้เสมือนเป็นคลีนิคชั่วคราวรับดูแลรักษาคนที่บาดเจ็บจากการสู้รบอีกด้วยค่ะ จึงได้กำหนดชื่อให้เป็น”สวนแห่งสมุนไพร” ก่อนจะนำมาสู่การสิ้นสุดยุคเอโดะ
ณ ปัจจุบัน ที่แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวน สามารถเดินเล่นและเพลิดเพลินไปกับพรรณไม้ต่างๆ และพืชสมุนไพรกว่า 400 ชนิด
องค์ประกอบหลักของสวนได้แก่ บ่อน้ำที่เป็นศูนย์กลาง เส้นทางเดินคดเคี้ยวรอบๆบ่อ
อาคารที่น่าสนใจ ได้แก่ โรงน้ำชา ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และห้องรับประทานอาหารค่ะ
สายธรรมชาติแนะนำเลยค่ะ สามารถเดินชมดูสมุนไพรและต้นไม้ สัมผัสความโบราณของสวนและต้นไม้ต่างๆ รวมถึงบรรยากาศญี่ปุ่นยุคเก่าได้แบบนี้ต้องลองมากันนะคะ
คฤหาสน์ซามูไรบูเคยาชิกิ

คฤหาสน์ซามูไรบูเคยาชิกิ หรือ Aizu Bukeyashiki ค่ะ
เป็นที่อยู่อาศัยของซามูไรชั้นสูงที่มีความสำคัญประจำภูมิภาค
เป็นบ้านของอดีตซามูไร ไซโก ทาโนโมะ (Saigo Tanomo) ตั้งแต่สมัยเอโดะเลยค่ะ
สถานที่ที่น่าชมมากที่สุดคือคาโระยะชิกิ (Karo yashiki) ค่ะ เพราะภายในอาคารมีขนาด 280 เสื่อ (ประมาณ 925 ตารางเมตร)
เป็นอาคารหลังใหญ่ที่มีจำนวนห้องกว่า 38 ห้อง และใช้เสื่อทาทามิถึง 328 ผืน

ภายในห้องต่างๆมีหุ่นขี้ผึ้งตั้งไว้ดูเสมือนจริงเพื่อแสดงวิถีชีวิตของซามูไรในยุคก่อน
คฤหาสน์แห่งนี้มีทั้งครอบครัวซามูไร พนักงาน และคนรับใช้อาศัยอยู่ร่วมกัน จึงมีห้องพักหลายสิบห้อง

อาคารดั้งเดิมได้ถูกไฟไหม้ในช่วงสงครามโบชินปีค.ศ. 1868
และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในภายหลัง
ปัจจุบันนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงหุ่นคนตามฉากในชีวิตประจำวัน
และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษากัน


อีกอย่างที่อยากจะนำเสนอก็คือ ในภาพสุดท้ายมีลานธนูด้วยค่ะ ซึ่งเป็นจุดที่จะให้นักท่องเที่ยวสามารถลองยิงธนูได้ค่ะ มีสตาฟคอยดูแล ถ้าไม่เคยลองยิงธนูเลย นี่เป็นโอกาสที่ดีค่ะ ลองให้สตาฟสอนยิงดูได้นะคะ
ตอนใกล้ถึงทางออกจะมีศาลเจ้าเล็กๆให้ได้ขอพร และห้องเล็กๆจัดโชว์ศาสนาพุทธที่มีรูปปั้นพระพุทธเจ้าตั้งอยู่ด้วยค่ะ
ส่วนที่ทางออกนั้นจะเชื่อมกับร้านค้าใหญ่ ใหญ่เหมือนห้างเลยค่ะ เป็นจุดที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าของฝากของไอสึ มีตั้งแต่ของใช้ไปจนถึงของกินกันเลยทีเดียวค่ะ
ที่นี่เปิดตั้งแต่ 8:30น. - 17:00น.
ค่าเข้า 850 เยนค่ะ
เป็นที่ที่จะได้เพลิดเพลินไปกับการดูวิถีชีวิตแห่งซามูไร หวังว่าทุกท่านจะสนุกและเอนจอยกันนะคะ
ถนนนาโนกะมาจิ

ถนนแห่งนี้มีชื่อว่า Nanokamachi-dori Street หรือ ถนนนาโนกะมาจิ
ถนนสายนี้เป็นถนนสายสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตึกและบ้านที่บางหลังมีอายุเก่ามากกว่า 100 ปีมีให้ชมตลอดเส้นทางเลยค่ะ


สถานีรถไฟนาโนกะมาจิ
เป็นการจัดแต่งสถานีสร้างบรรยากาศให้เข้ากับถนนจนสามารถบอกได้เลยว่าเนียนสุดๆไปเลยค่ะ

ภาพบรรยากาศระหว่างเดินข้างถนน
วัดอามิดาจิ

บนถนนแห่งนี้มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คงเป็น "Amida-ji Temple" หรือ "วัดอามิดาจิ" ค่ะ
วัดอามิดาจิ ถึงจะใช้ชื่อว่าวัดแต่เมื่อเดินเข้าไปแล้วแทนที่จะเป็นวัดเหมือนเป็นสุสานบรรพบุรุษมากกว่าค่ะ
ที่นี่มีรูปปั้นพระพุทธรูป จิโซ และรวมถึงหินหน้าตาแปลกๆตั้งอยู่เต็มไปหมดค่ะ
ข้างในนั้นมีสุสานที่ดูอลังมากๆค่ะ มีรั้วกั้น และมีที่ให้สักการะเล็กๆด้วยค่ะ

วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่1200ปีก่อนเลยค่ะ เป็นสถานที่สำคัญในสงครามโบชิน เพราะว่าที่แห่งนี้ได้ฝังร่างของทหารผู้ทรงเกียรติหลายคนที่เสียชีวิตจากการสู้รบในสงครามโบชินนั่นเองค่ะ
ที่แห่งนี้มีร่างซามูไรชื่อดังอย่าง "Hajime Saito" หรือ "ไซโต้ ฮาจิเมะ" ที่เป็นถึงหัวหน้ากลุ่มคนที่ 3 ของกลุ่ม "ชินเซ็นกุมิ" ที่เป็นเสมือนตำรวจซามูไรในยุคปลายเอโดะ และได้รับยกย่องว่ามีฝีมือดาบระดับอัจฉริยะ เขามีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อย่างมาก ทั้งช่วยสู้กบฎในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ รวมถึงช่วยปกป้องเมืองไอสึในสงครามโบชิน และเป็น 1 ในไม่กี่คนในกลุ่มชินเซ็นกุมิที่รอดจากสงคราม ถึงเขาจะตกเป็นนักโทษสงคราม แต่ภายหลังก็ถูกปล่อยตัว และยังได้แต่งงานกับลูกสาวเจ้าเมืองไอสึแล้วเข้าร่วมตำรวจสันติบาลของโตเกียวอีกด้วยค่ะ ต่อมาทางรัฐบาลได้แต่งตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า "โกโร่ฟูจิตะ" ยุคเมจิได้มีการออกกฎหมายห้ามพกดาบคาตานะ แต่เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับอนุญาตให้พกดาบได้ค่ะ

ในวัดแห่งนี้มีป้ายให้ความรู้เป็นทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษตั้งอยู่ในจุดสำคัญค่ะ สามารถอ่านความเป็นมาในแต่ละที่ได้เลยค่ะ
การเดินทางท่านสามารถเดินทางโดยรถไฟตรงถึงสถานีนาโนกะมาจิ หรือนั่งรถบัสอาคาเบ้จากสถานีไอสึวาคามัทสึ หรือจากหน้าโรงแรมของเราได้สะดวกมากๆค่ะ
ฮิกาชิยามะออนเซ็น

(รูปทั้งหมดจะเป็นรูปของโรงแรมนะคะ)
นั่นก็คือฮิกาชิยามะออนเซ็น หรือ Higashiyama Onsen นั่นเองค่ะ
มาทำความรู้จักออนเซ็นที่นี่ดีกว่าว่า มันมีประวัติและจุดเด่นอะไรบ้างค่ะ

ฮิกาชิยามะออนเซ็นเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสามออนเซ็นดังแห่งโออุ ร่วมกับคามิโนะยามะออนเซ็นและยุโนะฮามะออนเซ็นในจังหวัดยามากาตะค่ะ
ที่นี่เป็นออนเซ็นที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ให้สัมผัสได้ทั้งสี่ฤดู ไม่ว่าจะเป็นซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เขียวขจีในต้นฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และการแช่น้ำร้อนชมหิมะในฤดูหนาว
กล่าวกันว่าน้ำพุร้อนของฮิกาชิยามะออนเซ็นค้นพบโดยพระสงฆ์ชื่อดังนามว่าเกียวคิในศตวรรษที่ 8 หรือก็คือ ระหว่างปีค.ศ. 701-800
มีเอกลักษณ์ตรงเป็นน้ำพุร้อนซัลเฟตสัมผัสลื่น ทั้งยังกล่าวกันว่าจะช่วยเรื่องโรครูมาตอยด์ ความดันโลหิตสูง โรคผิวหนังและอื่นๆ
น้ำพุร้อนที่นี่ไม่ร้อนไม่จัดและจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นไปจนถึงภายในของร่างกาย

ออนเซ็นซารุโนะยุ เป็น 1 ในออนเซ็นของชินทากิ
ฮิจิคาตะ โทชิโซแห่งชินเซ็นกุมิเคยมาที่ฮิกาชิยามะออนเซ็นแห่งนี้ เพื่อรักษาบาดแผลในช่วงสงครามโบชินปี 1868 อีกด้วยค่ะ
ที่นี่มีโรงแรมและเรียวกังกว่า 10 แห่งให้เลือกเข้าพักเพื่อสามารถดื่มด่ำและรับประสบการณ์ออนเซ็น
นอกจากโรงแรมต่างๆแล้ว เส้นทางใกล้ๆกับสถานีฮิกาชิยามะออนเซ็นก็มีบ่อน้ำออนเซ็นสำหรับแช่เท้าตั้งอยู่ด้วยค่ะ ทุกท่านสามารถพักผ่อนไปแช่น้ำอุ่นๆ พร้อมชมธรรมชาติและภูเขาได้นะคะ
และนอกจากนี้ภายใน 1 ปีจะมีเทศกาลต่างๆจัดขึ้นหลายครั้งอีกด้วยค่ะ
เช่น มีการแสดงพิเศษจากเหล่าเกอิชาแห่งฮิกาชิยามะออนเซ็นบนถนนด้วยค่ะ

ซึ่งโรงแรมของเรา คุสึโรกิจูกุ ทั้งชินทากิและจิโยทากินั้น ก็ตั้งอยู่ในฮิกาชิยามะแห่งนี้ด้วยค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวในไอสึที่เดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก
ต่อไปจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ แต่เนื่องจากว่าค่อนข้างไกลตัวเมือง เดินทางด้วยรถยนต์จะสะดวกกว่าจึงขอแยกหมวดหมู่ไว้ค่ะ
หมู่บ้านโออุจิจูคุ

หมู่บ้านโออุจิจูคุเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1640
ลักษณะเป็นบ้านญี่ปุ่นแบบโบราณที่มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก
เรียงรายเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยมีบ้านทั้งหมดประมาณ 50 หลังคาเรือน
หมู่บ้านโออุจิจูคุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติเมื่อปีค.ศ. 1981
โดยได้รับการบูรณะปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
จุดเด่นแรกที่มองเห็นได้ชัดเจนก็คือ ทางน้ำที่ไหลคั่นระหว่างบ้านและสองฝั่งของถนนที่ใสเสียจนมองเห็นตะไคร่น้ำและฝูงปลาตัวเล็กๆ
ซึ่งชาวบ้านก็จะนำผัก ผลไม้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ มาแช่ไว้ในทางน้ำนี้แทนการใช้ตู้เย็นตามวิธีแบบโบราณ
แต่ละฤดูนั้นทิวทัศน์และความรู้สึกที่ได้ไปเยือนหมู่บ้านนี้แตกต่างกันไป เช่น ภูเขาเขียวขจีอาการเย็นในฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ดอกไม้โตอากาศปลอดโปร่งในฤดูร้อน สีส้มที่ปกคลุมจางๆในฤดูใบไม้ร่วง
และหน้าหนาว ทั้งเมืองจะปกคลุมไปด้วยหิมะและวิวสีขาวที่เหมือนในภาพยนตร์เลยค่ะ

วันนั้นที่เดินทางไปบังเอิญเป็นวันที่จัดเทศกาลพอดี มีการถ่ายถอดออกทีวีด้วยค่ะ ร้านค้าจึงเปิดขายของทุกร้านเลยค่ะ เห็นว่าปกติร้านจะไม่เปิดกันเยอะขนาดนี้ ทั้งอาหาร ขนม และร้านของฝากมีให้เลือกมากมายเลยค่ะ

นอกจากร้านค้ามากมายแล้วยังมีศาลเจ้าด้วยค่ะ นั่นก็คือศาลเจ้าทาคาคุระ หรือ สุสานเจ้าหญิงสุคุระงิ ค่ะ
เห็นว่าศาลเจ้านี้มีความสำคัญคือเป็นแหล่งศูนย์รวมการจัดงานเทศกาลต่างๆของหมู่บ้านอีกด้วยค่ะ

ทางเข้าศาลเจ้าสามารถเดินได้จากหมู่บ้านผ่านประตูศาลเจ้าใหญ่ๆ เดินตรงไปเรื่อยๆจะเริ่มออกนอกหมู่บ้านเรื่อยๆ จนเจออีกประตูก่อนที่จะเดินขึ้นเขา เป็นบรรยากาศที่ทำให้ดูขลังมากๆเลยละค่ะ

อาหารชื่อดังที่ทุกคนต้องลองให้ได้เมื่อมาถึงหมู่บ้านแล้ว นั่นก็คือ "เนกิโซบะ" ค่ะ
เนกิโซบะ หรือ โซบะต้นหอม เป็นเมนูโซบะที่เราจะใช้ต้นหอมแทนตะเกียบเพื่อกินโซบะค่ะ! ลองสั่งมากินแล้วกินยากกว่าที่คิดแต่แปลกใหม่ดี และคิดว่าไม่น่าหาที่ไหนได้แล้วค่ะ ถ้ามาที่หมู่บ้านแล้วก็อย่าลืมมาลองกันนะคะ
หน้าผาหินโทโนะ เฮทสึริ

Tou no Hetsuri หรือ หน้าผาหินโทโนะ เฮทสึริ
ที่แห่งนี้เกิดจากน้ำกัดเซาะโดยธรรมชาติ จนออกมาเป็นรูปร่างที่แปลกตา ซึ่งรอยที่โดนเซาะไปนั้นค่อนข้างลึกและแข็งแรง จนสามารถเดินเล่นได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นมรดกธรรมชาติของญี่ปุ่นด้วยนะคะ

พวกเราเดินทางไปด้วยรถยนต์ค่ะ
ทางเข้าจะมีที่จอดรถ และร้านค้าท้องถิ่นเล็กๆอยู่
เมื่อไปถึงแล้วเป็นบรรยากาศที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายธรรมชาติมากๆค่ะ
ตั้งแต่ลงบันไดจนถึงข้ามสะพานรู้สึกดื่มด่ำกับธรรมชาติมากๆเลยค่ะ
เมื่อข้ามสะพานไปถึงจุดที่โดนน้ำกัดเซาะแล้ว บอกได้เลยว่าใหญ่กว่าที่คิดมากๆค่ะ ที่เห็นจากฝั่งตรงข้ามหรือในรูปภาพ เมื่อเทียบกับการลงไปเดินเองแล้ว เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันมากๆค่ะ เหมือนเดินอยู่ในถ้ำเลยค่ะ

เมื่อเดินลึกเข้าไปจะเห็นคนนำหินมาเรียงกันเป็นชั้นๆ พร้อมมีเหรียญ ทางนี้ก็ไม่มีความรู้เท่าไหร่ แต่น่าจะเป็นเพราะที่แห่งนี้เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติที่ดูมหัศจรรย์ ทำให้ผู้คนที่มาเที่ยวกันต่างเชื่อและขอพรละมั้งคะ
ใครที่รู้ข้อมูลที่แน่ชัดหรือมีความรู้ด้านนี้ก็สามารถมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ!

นอกจากนี้แล้วเมื่อเดินขึ้นบันไดขึ้นไปอีก จะมีศาลเจ้าด้วยค่ะ เป็นเหมือนศาลเจ้าที่ความเชื่อไปทางศาสนาพุทธนิกายฝั่งจีนค่ะ มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมด้วยละค่ะ ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกตามากๆค่ะ

แต่ว่าเนื่องจากสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ พื้นจะไม่ค่อยเท่ากันเท่าไหร่ บางทางเดินก็ค่อนข้างแคบ ยังไงก็ระมัดระวังเวลาเดินด้วยนะคะ!

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ แนะนำให้ลองมาสักครั้งค่ะ เห็นว่าต้นไม้บางต้นที่นี่มีใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนะคะ แวะมาฤดูใบไม้ร่วงก็น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆก็คือโออุจิจูกุค่ะ แนะนำให้มาเป็นแพคคู่จะคุ้มค่าสุดๆค่ะ เพราะ 2 สถานที่นี้ไม่ห่างกันมากค่ะ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญด้วยค่ะ
ศาลเจ้าอิซาสุมิ

สถานที่แห่งนี้นักท่องเที่ยวอาจจะไม่รู้จักกันเท่าไหร่ แต่ว่าค่อนข้างดังในแหล่งพื้นเมืองเลยทีเดียวค่ะ สำหรับท่านใดที่อยากขอพร และอยากซื้อเครื่องราง ขอแนะนำเลยค่ะ นั่นก็คือ "ศาลเจ้าอิซาสุมิ" นั่นเองค่ะ
ที่แห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่ใหญ่และศักดิ์สิทธิ์มากๆ รวมถึงเครื่องรางของขลังหลายชนิดที่ขายอยู่ในวัด มีเครื่องรางแปลกๆและเยอะมากจริงๆค่ะ มีไปถึงยันต์เลยทีเดียวค่ะ

ทางเข้าศาลเจ้าประตูแดง เป็นส่วนที่มีเกี่ยวกับการเรียนและความฉลาดเรียนรู้ค่ะ เหมาะกับนักเรียนนักศึกษามากๆค่ะ หน้าศาลเจ้าจะมีรูปปั้นวัว เชื่อกันว่าให้ลูบหัววัวแล้วจะฉลาดขึ้นหรือความจำดีขึ้นค่ะ
ส่วนทางประตูใหญ่นั้นมีศาลเจ้าใหญ่ช่วยเรื่องโชคลาภรอบด้านและศักดิ์สิทธิ์มาก ถึงขั้นมีป้ายแนะนำดวง โหราศาสตร์อันใหญ่ๆหน้าศาลเจ้าเลยนะคะ

หน้าทางเข้าศาลเจ้าใหญ่ ที่ทำความสะอาดล้างมือก่อนเข้าวัด
และจุดเด่นอีกอย่างก็คือ โอมิคุจิ หรือ เซียมซีนั่นเองค่ะ
บอกเลยว่าเซียมซีที่นี่นั้นมีหลายชนิดมากๆ เยอะเป็น 10 แบบให้เลือกเลยทีเดียวค่ะ แต่ละอย่างก็จะมีของแถมด้านในไม่เหมือนกันด้วยนะคะ ซึ่งของแถมจะเป็นเครื่องรางอันเล็กๆ แต่ละชนิดไม่เหมือนกันแต่เหมาะกับการพกติดตัวไว้ค่ะ เป็นศาลเจ้าที่เหมาะกับคนที่จริงจังเรื่องความเชื่อหลายศาสตร์มากจริงๆค่ะ

นอกจากนี้แล้วตรงข้ามศาลเจ้ามีสวนดอกไม้เล็กๆด้วยค่ะ บางทีก็จะมีการจัดเทศกาลที่นี่ เช่น เทศกาลฤดูร้อนหรือจัดตั้งเวทีการแสดง และจัดโชว์ดอกไม้ในสวน เป็นต้น

สวนแห่งนี้มีบ่อที่เลี้ยงปลาคาร์ปนับร้อยตัวและเต่าด้วยค่ะ! และปลาพวกนี้ฉลาดมากๆค่ะ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีการขายอาหารปลาด้วย ไม่ว่าเราจะซื้อหรือไม่ซื้อ ถ้าเราเดินไปแถวสะพานปลาจะมาอ้าปากรอกินอาหารด้วยละค่ะ ฉลาดมากๆเลยค่ะ
เป็นสถานที่อีกที่ที่น่าลองมา และอยู่ระหว่างทางขาไปหรือขากลับจาก โออุจิจูกุ กับ โทโนะเฮทสึริ ด้วยละค่ะ ถือว่ารวมทริป 3 ที่ใน 1 วันได้อย่างชิวๆเลยค่ะ
สรุป
เป็นยังไงกับบ้างคะ กับสถานที่ท่องเที่ยวในไอสึ
มีมากกว่าที่คิดอีกใช่ไหมละคะ
ที่นี่นั้นมีความสัมพันธ์กับสงครามโบชินและซามูไรเป็นอย่างมาก
ท่านสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติพร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วยได้ในหลายๆที่เลยทีเดียวค่ะ
ถ้าทุกท่านได้มีโอกาสมาฟุกุชิมะ ไอสึวาคามัทสึ แล้วละก็ อย่าลืมแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ด้วยนะคะ
ท้ายนี้ขอฝากโรงแรมของเรา คุสึโรกิจูกุ จิโยทากิและชินทากิ ด้วยนะคะ
ระยะทางจากโรงแรมห่างกับคฤหาสน์ซามูไรบูเคยาชิกิเพียงแค่ 1 กิโลเมตรเพียงเท่านั้นค่ะ
แวะเข้ามาชมในเว็บไซต์เพื่อเป็นการตัดสินใจ และหวังว่าจะสนใจจองและลองพักกันนะคะ ออนเซ็นโรงแรมของเราผ่อนคลายมากๆเลยค่ะ
สำหรับการจองและรายละเอียดของโรงแรม โปรดดูเว็บไซต์ด้านล่าง
https://lit.link/kutsurogijukuen
くつろぎ宿の学生チームです。地元の大学の学生や、海外の学生が英語や母国語で情報発信をしています。
We are the student team from Kutsurogijuku Co., Ltd.  Local university students and international students share information in English and their native languages.
くつろぎ宿 千代滝と新滝
会津東山温泉にある2つの旅館。
くつろぎ宿千代滝
千代滝は、東山温泉郷を一望できる高台にあります。
館内には会津の地酒は常時30種類以上をご用意した、日本酒バー「地酒の館」もございますので、遅くまで地酒をお楽しみいただけます。
風呂は10階と2階の二か所にございます。
10階にある「遊月の湯」からは、会津城下町の夜景をはじめ、温泉街や温泉郷をご覧いただけます。天気の良い日には綺麗な星空が広がることも。
» 千代滝 ホームページ
くつろぎ宿新滝
新滝は、東山温泉街中心部、川沿いにあります。
館内には、歴代の会津藩公の湯治場だった岩風呂をはじめ、戊辰戦争のときに土方歳三が刀傷を癒した猿の湯に由縁あるお風呂など、4種類の源泉かけ流しのお風呂がございます。
» 新滝 ホームページ
